สำหรับคนที่อยากขับรถบรรทุกเป็นอาชีพ เพราะเห็นจากเวลาเราขับรถไปต่างจังหวัด ตามถนนเส้นหลักที่เราวิ่งผ่านก็มักจะเห็นพี่ ๆ รถบรรทุกหรือพี่ใหญ่กันอยู่เต็มไปหมด จริง ๆ แล้วพี่ ๆ รถบรรทุกเป็นเส้นทางสายคมนาคมหลักที่ช่วยลำเลียงของและสินค้าต่าง ๆ ให้กระจายไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ได้ สำหรับใครที่อยากยึดเป็นอาชีพหลักแต่ไม่รู้ว่าควรจะต้องเริ่มจากตรงไหนก่อนดี บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับอาชีพขับรถบรรทุก และจะเริ่มต้นอาชีพนี้ได้อย่างไรกัน รวมทั้งกฎหมายรถบรรทุกและคุณสมบัติที่คนขับรถบรรทุกควรมีกัน

การขับรถบรรทุกคืออะไร

การขับรถบรรทุกหรือรถสิบล้อที่เราเห็นกัน จริง ๆ แล้วมันคืออาชีพอะไร และทำหน้าที่อะไรกันบ้าง ก่อนอื่นอาชีพนี้ มีหน้าที่ส่งสินค้า สิ่งของขนาดใหญ่ตามงานที่ได้รับมอบหมายให้ถึงจุดหมายปลายทาง หรือถึงมือลูกค้า ไม่เพียงเท่านั้น เนื่องจากขับรถที่มีขนาดใหญ่ คนขับรถบรรทุกจึงมีหน้าที่นอกเหนือจากการขับให้ถึงจุดหมายอีกด้วย เช่น การบำรุงรักษารถ ความรู้ในเส้นทาง หรือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีอีกด้วย

เริ่มต้นขับรถบรรทุกเป็นอาชีพยังไงดี

อยากเริ่มต้นอาชีพขับรถบรรทุก แต่ไม่รู้ว่าควรจะต้องเริ่มจากตรงไหน มีอะไรบ้างที่ต้องคำนึงถึง เช่น ใบอนุญาตต่าง ๆ กฎหมายรถบรรทุก การบำรุงรักษารถและเส้นทาง จะมีอะไรบ้างไปดูกัน

หลักการฝึกอบรมขับรถบรรทุก

เรียบจบวุฒิการศึกษาไหนก็สามารถขับรถบรรทุกได้ทั้งนั้น แต่ก่อนจะเริ่มทำอาชีพนี้ก็จำเป็นที่จะต้องได้รับการฝึกอบรมในหลักสูตรการเรียนขับรถบรรทุก หรือรถโดยสารของกรมการขนส่งก่อน เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายรถบรรทุก เช่น สามารถบรรทุกของได้ไม่เกินเท่าไหร่ สามารถขับรถสิบล้อได้ตั้งแต่ช่วงเวลาไหนบ้าง เป็นต้น

ใบอนุญาตขับรถบรรทุก ประเภท ท3

สิ่งที่จำเป็นที่สุดในการขับรถสิบล้อ คือใบอนุญาตขับขี่ประเภท ท3 หรือใบขับขี่สำหรับขับรถลากจูงรถอื่นหรือลากล้อเลื่อนที่บรรทุกสิ่งของ โดยคนขับรถบรรทุกจำเป็นจะต้องมีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลมาไม่ต่ำกว่า 1 ปี จึงจะสามารถยื่นขอใบอนุญาตขับขี่ประเภท ท3 ได้

ในกรณีที่ต้องการขับรถบรรทุก ตั้งแต่รถสิบล้อขึ้นไป ต้องยื่นขอใบอนุญาตขับรถประเภท ท3 ซึ่งเป็นใบขับขี่สำหรับรถรับจ้างสาธารณะ รถบรรทุกขนาดใหญ่ รถลากจูง หรือรถเทรลเลอร์ โดยผู้ยื่นคำร้องขอใบขับขี่ ท3 นี้ จำเป็นต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 22 ปีบริบูรณ์ และเข้ารับการอบรมหลักสูตรความปลอดภัยตามที่กรมขนส่งกำหนด และต้องสอบขับรถลากจูง พร้อมรถพ่วงและรถกึ่งพ่วงด้วย

กฎหมายรถบรรทุกที่ควรรู้

การขับรถบรรทุกก็มีกฎหมายที่ควบคุมในเรื่องการใช้รถบรรทุก เช่นกัน นอกจากใบขับขี่ ท3 ที่จำเป็นต้องมีแล้ว ก็ยังมีข้อบังคับในการบรรทุกตามกฎหมาย พ.ร.บ.การจราจร และพ.ร.บ. ทางหลวง ดังนี้

  • ติดตัวยึดและมีผ้าคลุม กรณีบรรทุกสิ่งของ จำเป็นต้องมีผ้าใบสีทึบปกคลุมและตัวยึดล็อกไว้อย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันกรณีของตกหล่น หรือปลิวไปโดนรถที่สัญจรไป-มาอยู่ในถนนเดียวกัน หากไม่ปฏิบัติตามมีโทษทางกฎหมาย ปรับสูงสุด 50,000 บาท สำหรับคนขับรถบรรทุกจะถูกปรับไม่เกิน 5,000 บาท และอาจถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ได้
  • ติดสัญลักษณ์เมื่อมีการบรรทุกเกินขนาด กรณีบรรทุกของเกินออกมาจากตัวรถ ก็จำเป็นต้องติดสัญลักษณ์ เช่น ผ้าสีแดงไว้ เพื่อแจ้งเตือนให้รถที่ขับตามมาได้รับทราบและสังเกตเห็น สามารถบรรทุกของเกินจากท้ายรถออกมาได้ไม่เกิน 2.5 เมตร และมีความสูงจากพื้นทางได้ไม่เกิน 3.00 เมตรเท่านั้น หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท
  • ติดอุปกรณ์สะท้อนแสง รถบรรทุกตั้งแต่ 4 ล้อขึ้นไป รวมทั้งรถพ่วงที่มี 2 เพลา 4 ล้อ และยาง 6 เส้นขึ้นไป ต้องติดอุปกรณ์สะท้อนแสง หรือไฟที่สามารถให้แสงได้ตามกฎหมายกำหนดในตำแหน่งที่ถูกต้อง หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับสูงสุด 50,000 บาท หรืออาจถูกระงับการใช้รถ
  • ติดป้ายเตือน กรณีรถบรรทุกก๊าซ หรือวัตถุไวไฟ เช่น น้ำมัน สารพิษ ฯลฯ จำเป็นต้องติดป้ายหรือสัญลักษณ์เตือน รวมถึงต้องมีอุปกรณ์ดับเพลิงติดรถไว้ตลอดเวลา หากฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท จำคุก 1 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ

การใช้ GPS ขับรถบรรทุก

ถึงแม้คนขับรถบรรทุกจะมีความรู้และเชี่ยวชาญในเส้นทางเป็นอย่างดีแล้ว แต่การขับรถสิบล้อก็จำเป็นต้องติดตั้ง GPS และเปิด GPS ไว้ตลอดเวลา แม้รถจะจอดรถก็ตาม เนื่องจากเป็นการติดตามพฤติกรรมการขับรถ รวมถึงเป็นการจำกัดความเร็วให้ปลอดภัยต่อรถในท้องถนน และยังเป็นการเชื่อมต่อข้อมูลเข้ากับศูนย์บริหารจัดการเดินรถของภาครัฐ หากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษปรับสูงสุด 1,500 บาท

น้ำหนักในการบรรทุกสิ่งของ

ถึงแม้ถนนจะสามารถรองรับน้ำหนักได้มาก แต่กรณีรถบรรทุก หรือรถสิบล้อบรรทุกหลายคันใช้ถนนเส้นเดียวกันในระยะเวลาเดียวกัน อาจทำให้พื้นผิวถนนชำรุดได้ กรมการขนส่งจึงได้บัญญัติข้อบังคับเรื่องน้ำหนักในการบรรทุกไว้ ดังนี้

  • รถบรรทุกขนาด 4 ล้อ สามารถบรรทุกได้ไม่เกิน 9.5 ตัน
  • รถบรรทุกขนาด 6 ล้อ สามารถบรรทุกได้ไม่เกิน 15 ตัน
  • รถบรรทุกขนาด 10 ล้อ สามารถบรรทุกได้ไม่เกิน 25 ตัน
  • รถพ่วง 6 เพลา 22 ล้อ สามารถบรรทุกได้ไม่เกิน 50.5 ตัน

การจำกัดเวลาในการขับรถบรรทุก

เนื่องจากรถบรรทุกมีขนาดใหญ่ และขนส่งสินค้าที่มีน้ำหนักเยอะ จึงทำให้มีความคล่องตัวช้ากว่ารถยนต์สี่ล้อ หรือรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน จึงมีกฎหมายบัญญัติถึงช่วงเวลาที่สามารถขับรถบรรทุกได้ โดยไม่เป็นการรบกวนการจราจรที่ติดขัดในช่วงเวลาเร่งด่วนได้ สามารถจำแนกออกได้ 3 กรณี ดังนี้ 1. วิ่งบนทางราบบริเวณพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน 2. วิ่งบนทางด่วนบริเวณพื้นที่กรุงเทพฯ และ 3. วิ่งรถบรรทุกในเขตปริมณฑลและต่างจังหวัด

การจำกัดเวลาในการขับรถบรรทุก

1. วิ่งบนทางราบบริเวณพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน

  • รถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป ห้ามวิ่งในเวลา 06:00 – 09:00 น. และเวลา 16:00 – 21:00 น. ยกเว้นวันหยุดราชการ
  • รถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป ห้ามวิ่งในเวลา 06:00 – 10:00 น. และเวลา 15:00 – 21:00 น. ยกเว้นวันหยุดราชการ
  • ห้ามรถบรรทุกก๊าซ และวัตถุไวไฟตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป และรถพ่วงเดินรถในเขตกรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 06:00 – 22:00 น. ทุกวัน เว้นวันอาทิตย์
  • ห้ามรถบรรทุกอื่น เช่น บรรทุกซุง เสาเข็ม เดินรถในเวลา 06:00 – 21:00 น.

2. วิ่งบนทางด่วนบริเวณพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน

  • รถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป ห้ามวิ่งในเวลา 06:00 – 09:00 น. และเวลา 16:00 – 20:00 น.
  • รถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป ห้ามวิ่งในเวลา 06:00 – 09:00 น. และเวลา 15:00 – 21:00 น.
  • รถบรรทุกสารเคมีทุกชนิด ห้ามวิ่งในเวลา 06:00 – 09:00 น. และเวลา 15:00 – 22:00 น.

3. วิ่งรถบรรทุกในเขตปริมณฑลและต่างจังหวัด

  • บริเวณพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ สามารถวิ่งรถได้ตั้งแต่เวลา 10:00 – 16:00 น. และเวลา 20:00 – 06:00 น.
  • บริเวณพื้นที่จังหวัดสมุทรนนทบุรี และปทุมธานี สามารถวิ่งรถได้ตั้งแต่เวลา 09:00 – 16:00 น. และเวลา 19:00 – 06:00 น.
  • จังหวัดอื่น ๆ รถบรรทุกสามารถวิ่งได้ตามเวลาที่กำหนด ตั้งแต่ 10:00 – 16:00 น. และเวลา 21:00 – 06:00 น.

การบำรุงรักษารถบรรทุก

การบำรุงรักษารถบรรทุก

การขับรถบรรทุกในแต่ละเส้นทาง มักใช้เวลานาน เนื่องจากข้อจำกัดหลาย ๆ อย่าง เช่น น้ำหนักในการบรรทุก ระยะเวลาที่สามารถวิ่งรถได้ เพราะฉะนั้น นอกจากจะปฏิบัติได้ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว คนขับรถบรรทุกจึงต้องรู้วิธีการบำรุงรักษารถ เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางอีกด้วย

ทั้งนี้ ควรหมั่นตรวจสอบสภาพรถ ทั้งน้ำมันเครื่อง ระดับน้ำในหม้อน้ำ ที่ปัดน้ำฝน รวมทั้งหมั่นตรวจสอบลมยางและล้อรถก่อนออกเดินทางทุกครั้ง ทั้งนี้ ขณะขับรถบรรทุก ควรขับด้วยความเร็วที่พอเหมาะ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นด้วย

คุณสมบัติที่ดีของการขับรถบรรทุก

ถึงแม้จะบอกว่าไม่ว่าใครก็สามารถประกอบอาชีพขับรถบรรทุกได้ ทั้งนี้ จำเป็นต้องอาศัยการฝึกฝนและความใจเย็น รวมทั้งสามารถจัดการปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีอีกด้วย ใครที่สนใจอยากจะขับรถบรรทุกมาเช็กลิสต์คุณสมบัติที่ควรมีไปพร้อมกับเรากัน

  • พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อป้องกันกรณีหลับใน และอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่จะเกิดได้ ควรพักผ่อนให้เพียงพอก่อนจะออกใช้รถใช้ถนนทุกครั้ง
  • ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน
  • เป็นคนใจเย็น เนื่องจากเป็นรถที่มีขนาดใหญ่ ขณะการขับขี่จะมีจุดบอดเยอะกว่าการขับรถยนต์ทั่วไป จึงต้องมีความใจเย็น นิ่งและสงบ เพื่อความปลอดภัยทั้งของตัวคนขับเอง และผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกับเราด้วย

สนใจร่วมงานขับรถบรรทุกกับจำลอง กรุ๊ป

การขับรถบรรทุกเป็นอาชีพไม่ยากเลย เริ่มต้นจากการมีความรู้ขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับรถบรรทุก หากมีอายุ 22 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ถือครอบครองใบขับขี่ ท3 แล้ว ก็สามารถเริ่มต้นอาชีพขับรถบรรทุกได้ง่าย ๆ เลย เพียงแค่มีใจรัก ขยันและอดทน

หากสนใจอยากประกอบอาชีพขับรถบรรทุก จำลอง กรุ๊ปเปิดรับสมัครสิงห์รถบรรทุก สำหรับท่านที่มีใจรักงานบริการ เพียงแค่เตรียมใบขับขี่ ท3 ให้พร้อม แล้วมาวิ่งงานกับเราได้เลย เพราะเราการันตี 3 ง. มีงาน เงินดีและจบงานง่ายแน่นอน